รมว.ยุติธรรม ลุยเรือนจำสมุทรปราการ คิกออฟฉีดซีนผู้ต้องขังป้องกันโควิด-19(คลิป)

 

รมว.ยุติธรรม ลุยเรือนจำสมุทรปราการ เปิดคิกออฟฉีดวัคซีนป้องกันโควิดผู้ต้องขัง หลังได้รับวัคซีนจากกรมควบคุมโรค สนองนโยบายรัฐบาลป้องกันติดเชื้อลดการสูญเสีย ทยอยฉีดคุกปลอดเชื้อพื้นที่สีแดงหวังหยุดคลัสเตอร์ใหญ่ ขอบคุณบุคลากรแพทย์- พยายาลช่วยงานลุล่วง “สมศักดิ์” ขู่ผู้บริหารเรือนจำเร่งลดแออัดคุก ชี้หากยังมีต้องโดนลงโทษเพราะย้ำ-สั่งการมานานแล้ว

วันนี้ (3 มิ.ย.64) เวลา 10.30 น. ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการ โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสมุทรปราการ ร่วมงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลกระทบต่อการเจ็บป่วยรุนแรง หรือการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นต่อญาติผู้ต้องขังและสังคมภายนอก ว่ากรมราชทัณฑ์สามารถจะควบคุมสถานการณ์ได้ และสามารถให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างมีศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับภายนอก จึงได้จัดทำโครงการฉีดวัคซีนป้องกันแก่ผู้ต้องขังทั้งหมด 6,515 คน โดยเป็นวัคซีนซิโนแวค ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมควบคุมโรค และบุคลากรจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และโรงพยาบาลบางบ่อ ในฐานะโรงพยาบาลแม่ข่าย และอาสาสมัครพยาบาล รวม 40 คน ในการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ระหว่างวันที่ 3 – 6 มิถุนายน 2564 รวม 4 วันหรือวันละประมาณ 1,800 คน ซึ่งถือเป็นการสนองนโยบาย กระทรวงยุติธรรมกับทั้งนโยบายของรัฐบาลอย่างดียิ่ง ภายใต้เป้าประสงค์การป้องกันการติดเชื้อและลดการสูญเสียจากภาวะความเจ็บป่วย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งจากนี้เราจะทยอยฉีดให้แก่เรือนจำอื่นๆอีก โดยเฉพาะเรือนจำที่ปลอดเชื้อแต่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงตามที่ตนได้อภิปรายในการประชุมสภาไปแล้ว และขอฝากให้ข้าราชการทุกท่านช่วยกันสอดส่องดูแล รวมทั้งผู้ต้องขังทุกท่านต้องป้องกันตัวเองปฏิบัติตามมาตรการด้วย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม โดยทางรัฐบาลจะเริ่มคิกออฟวันที่ 7 มิถุนายน 2564 แต่เราต้องเริ่มก่อนเพราะรอไม่ได้ เมื่อเราได้วัคซีนจากกรมควบคุมโรคเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 แล้วเราจึงต้องดำเนินการฉีดทันที

เมื่อถามถึงมาตรการลดความแออัดภายในเรือนจำ หลังมี ส.ส. อภิปรายถึงหลายคนในเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการลดความแออัดในเรือนจำตนเริ่มทำมาตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งใหม่ๆ เช่น การสร้างที่นอนสองชั้น การติดกำไล EM จากผู้ต้องขัง 390,000 คน ขณะนี้เหลือประมาณ 300,000 กว่าคน ยังเกินกว่ามาตรฐานพื้นที่ 1.2 ตร.ม. ต่อคนอยู่อีกประมาณ 10,000 คน โดยขณะนี้เราได้ส่งร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดเข้าสู่รัฐสภาใกล้จะได้พิจารณาแล้ว ซึ่งจะมีการปรับอัตราโทษผู้ต้องคดียาเสพติดใหม่ให้เหมาะสม รวมถึงการขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขังที่ป่วยติดเตียง ซึ่งหากกระบวนการทั้งหมดนี้เสร็จ ตนเชื่อว่าภายใน 3 เดือนจะแก้ปัญหาความแออัดได้

“หากฉีดวัคซีนได้ครบทุกเรือนจำ เราจะสามารถเกลี่ยผู้ต้องขังไปยังเรือนจำที่มีพื้นที่ว่างได้ ผมขอฝาก ผู้บริหารเรือนจำ หากเรือนจำไหนยังแออัด เรือนนอนมีพื้นที่เฉลี่ยให้ผู้ต้องขังไม่ถึง 1.2 ตร.ม.ต่อคน ต้องถูกลงโทษ เพราะผมได้ย้ำและสั่งการมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด เพราะความแออัดเป็นบ่อเกิดของการแพร่เชื้อ” นายสมศักดิ์ กล่าว

จากนั้นนายสมศักดิ์ และคณะได้เดินตรวจดูการฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขัง และได้กล่าวให้กำลังใจทีมพยาบาลและผู้ต้องขังด้วย

Related posts