“ราชทัณฑ์” เผย พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดเพิ่ม 545 ราย กำชับเข้มมาตรการป้องกันเชื้อ

“กรมราชทัณฑ์” พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดรายใหม่ 545 ราย เตรียม EXIT เรือนจำ 6 แห่ง ต้นเดือน ส.ค.นี้ พร้อมกำชับทุกฝ่าย เข้มมาตรการป้องกันเชื้อ – เน้นทำความเข้าใจระบบให้ชัดเจน

วันนี้ (22 ก.ค.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 545 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 455 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 90 ราย) หายป่วยเพิ่ม 50 ราย รวมยังมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 4,320 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นวันที่ 12

นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ พบเรือนจำที่แพร่ระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ส่งผลให้เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาดลดลงอยู่ที่ 112 แห่ง และเรือนจำสีแดง 21 แห่ง ขณะที่สัดส่วนผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ระหว่างรักษา แบ่งเป็นกลุ่มสีเขียว 81.1% สีเหลือง 18.3% และสีแดง 0.6% มีผู้ป่วยที่รักษาหายสะสมแล้ว 36,668 ราย หรือ 88.6% ของผู้ติดเชื้อสะสม 41,372 ราย และมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

ขณะนี้ กรมราชทัณฑ์ กำลังพิจารณาแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค (EXIT) ในเรือนจำ 6 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดสงขลา เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี และทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ที่ประสบผลสำเร็จควบคุมการระบาดได้บางส่วน และสามารถคัดแยกผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อเพื่อกักโรค ตามแนวทางการบริหารจัดการการคัดออก (Screen Out) พร้อมตรวจหาเชื้อตามระยะเวลาและแนวทางสาธารณสุข ซึ่งคาดว่าจะสามารถสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT ได้ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อภายนอกที่มีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ จึงได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้บริหารเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง เตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดทุกรูปแบบ ตั้งแต่การเตรียมแผนเผชิญเหตุ ทั้งในกรณีที่พบผู้ติดเชื้อระหว่างแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก และแผนควบคุมโรคเมื่อพบการแพร่ระบาดภายใน การส่งต่อผู้ต้องขังและประสานงานระหว่างเรือนจำภายในเขตเดียวกัน โดยต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด และเข้าใจหลักการปฏิบัติอย่างชัดเจน เพื่อให้การป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Related posts