จากกรณีที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ได้ถูกสำรองราชการเนื่องจากการถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และถูกร้องทุกข์ดำเนินคดี กรณีถูกกล่าวหา ดักฟัง เผยแพร่ข้อมูลการสนทนา ระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) ตั้งแต่ต้นปี 2563 จากกรณีที่ คนร้ายยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และต่อมา พล.ต.อ.วิระชัย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ล่าสุดวันที่ 30 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลาง ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ บ.438/2563 คดีหมายเลขแดงที่ บ.222/2564 พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น) ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ และเพิกถอนประกาศของนายกรัฐมนตรี ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 และเพิกถอนมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในคราวการประชุมครั้งที่ 11/2563 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 ที่ยกคำร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดี โดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่มีคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในสมัยนั้น) และมีผลย้อนหลังนับแต่วันที่มีมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และมีผลย้อนหลังนับแต่วันที่มีประกาศของนายกรัฐมนตรี มีผลใช้บังคับ และศาลปกครองกลาง มีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทาง หรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาว่า ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คืนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ตามกฎหมายและระเบียบกำหนดต่อไป เสมือนหนึ่งว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดีไม่เคยถูกคำสั่งสำรองราชการและไม่เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาก่อน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ส่วนคำสั่งศาล ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ที่ให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ที่ให้ผู้ฟ้องคดี สำรองราชการ และให้ทุเลาประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ให้คำสั่งทุเลานั้นมีผลใช้บังคับต่อไป จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น