เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นผู้พิการนั่งวีลแชร์จำนวน 10 คน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอให้กำหนดนโยบายสนับสนุนหมวกกันน็อกให้เด็ก ๆ ในศูนย์เด็กเล็กที่อยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบให้ นายกู้เกียรติ นิ่มเนียม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นผู้รับหนังสือจากเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ
ทั้งนี้ ข้อเสนอของเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับที่เสนอต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีดังนี้
1. ขอให้กระทรวงมหาดไทย กำหนดนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาหมวกนิรภัยให้กับเด็ก ๆ ที่เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์มายังศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อสนับสนุนนโยบายลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของรัฐบาล และยังเป็นการส่งเสริมวินัยจราจรให้กับเด็ก ๆ ตั้งแต่เยาว์วัย
2. ขอให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขระเบียบกรมส่งเสริมกรมปกครองท้องถิ่นให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนำงบประมาณสนับสนุนการจัดหาหมวกนิรภัยให้กับเด็ก ๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้ โดยให้เป็นอุปกรณ์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันระบบของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นไม่เปิดโอกาสให้ทำได้ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากการใช้งบดังกล่าว เพื่อให้เด็ก ๆ ในความดูแลปลอดภัย ซึ่งเป็นนโยบายย้อนแย้งกับปัญหาเป็นอย่างยิ่ง
3. ขอให้กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายสนับสนุนธนาคารหมวกนิรภัยสำหรับเด็ก
นายประศม สุขแสวง แกนนำเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เปิดเผยว่า พวกตนเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุทางถนน หลายคนไม่ได้สวมใส่หมวกกันน็อก ทำให้พิการเป็นอัมพาต ชีวิตทุกข์ทรมานแสนสาหัส พวกเราจึงอยากให้อุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเราเป็นข้อเตือนใจกับคนที่ขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกกันน็อก ว่ามีอันตรายมากเพียงใด โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ๆ ที่พ่อแม่นำนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ปัจจุบันไม่ได้รับการปกป้องดูแลจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง และหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ วันนี้พวกตนจึงมาขอนโยบายจากระทรวงมหาดไทย จากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขอให้กำหนดนโยบายปกป้องลูกหลานให้มีความปลอดภัยจากการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ ผ่านศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่กระทรวงมหาดไทยดูแลอยู่
เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ที่ทรงคุณค่าในวันหน้า ถ้ากระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลเด็กเล็ก ไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ที่ชัดเจน พวกตนเชื่อว่าเด็ก ๆ ที่เติบโตขึ้นจะเป็นเด็กที่ไม่เคารพกฎหมายหมวกกันน็อก เพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไม่ต้องสวมใส่หมวกกันน็อกเพราะคุ้นชินมาตั้งแต่เยาว์วัย ที่สำคัญประเทศไทยจะมีประชากรเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพิ่มขึ้นจำนวนมากจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ จึงขอฝากนโยบายนี้กับท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย