วันนี้ (8 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่ บช.ภ.1 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, ว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ สนง. ปปส.ภาค 1 และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมแถลงการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ซี่งเป็นผู้ลำเลียงโดยใช้รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ดัดแปลงซุกซ่อนยาเสพติด จากภาคเหนือลักลอบนำเข้ามายังพื้นที่ตอนใน ตรวจยึดของกลางยาบ้ากว่า 6.9 ล้านเม็ด โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 ก.ย.68
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ได้ทำการสืบสวนทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อนำมาซุกซ่อนพักคอยในพื้นที่ภาคกลางก่อนจะกระจายไปยังเครือข่าย โดยผู้ลำเลียงจะใช้รถบรรทุก 6 ล้อ เสริมคอก สีขาวเขียว หมายเลขทะเบียน 70-XXXX กำแพงเพชร โดยอำพรางทำทีเป็นรถบรรทุก ต้นกล้าไม้เดินทางไปส่งยังพื้นที่ภาคเหนือ และจะตีรถเปล่ากลับมายังพื้นที่ภาคกลาง ต่อมาในวันที่ 3 ก.ย.68 พบว่ารถคันดังกล่าว แล่นผ่านพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าไปทางพื้นที่ภาคเหนือ เชื่อว่าจะเดินทางขึ้นไปรับยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าสังเกต
และในวันที่ 4 ก.ย.68 พบว่ารถคันดังกล่าวแล่นออกจากพื้นที่ภาคเหนือมุ่งหน้าลงมาทางภาคกลาง จึงได้สะกดรอยติดตามมาตลอดเส้นทาง จนมาถึงถนนสายเอเชียเขตพื้นที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท รถคันดังกล่าวได้จอดบริเวณริมทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบผู้ขับขี่ชื่อนายชาฯ (นามสมมติ) ท่าทีมีพิรุธและพยายามจะหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ จึงนำตัวผู้ขับขี่พร้อมนำรถคันดังกล่าวไปขอทำการตรวจค้นอย่างละเอียดภายในปั้มน้ำมัน ริมถนนสายเอเชีย ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องบรรทุกที่ถูกดัดแปลง รวมทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 6,918,000 เม็ด แบ่งเป็น 3 ชุด ได้แก่ ยาบ้าห่อด้วยกระดาษที่มีตัวอักษร “L/AAA” ประมาณ 4,318,000 เม็ด ยาบ้าห่อด้วยกระดาษที่มีตัวอักษร “Y1” ประมาณ 1,400,000 เม็ด และยาบ้าห่อด้วยกระดาษที่มีตัวอักษร “999” ประมาณ 1,200,000 เม็ด
โดยนายชาฯ รับสารภาพว่าดำเนินการขนยาเสตติดเป็นครั้งที่ 2 โดยจะได้ค่าจ้างหลักหมื่นบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายชาฯ ว่าได้กระทำผิดฐาน “จำหน่ายและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในสังคม ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน” จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป