เปิดโอกาส! “จ่าโท ยุทธศิลป์ เพียรภูเขา” เส้นทางนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยซีล

 

เพจโฆษกกองทัพเรือ นำเสนอเรื่องราวของ “จ่าโท ยุทธศิลป์ เพียรภูเขา” จากเส้นทางนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษ SEAL

ด้วยความสนใจในดนตรี มาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ “ยุทธศิลป์ เพียรภูเขา” หรือ เด็กชายเก่ง ชาวปทุมธานี เลือกที่จะเข้าศึกษาในโรงเรียนเฉพาะทางในด้านดนตรีอย่าง โรงเรียนดนตรีสังคีต ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นและปลูกฝังในด้านดนตรี และนำมาสู่การเป็นนักเรียนดุริยางค์ทหารเรือ อย่างเต็มภาคภูมิ

จ่าโท ยุทธศิลป์ เล่าว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปี ในโรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต เพราะนอกจากการเป็นสถาบันการศึกษาของกองทัพเรือ ในการให้การศึกษาและอบรมแก่นักเรียนดุริยางค์ เพื่อให้เป็นทหารที่มีความรู้ความสามารถ ในวิชาการดนตรีมีความคิดริเริ่มแล้ว ยังได้ฝึกฝนในเรื่องของระเบียบวินัย เพียบพร้อมด้วย คุณธรรม จริยธรรม ตลอดจน ปลูกฝัง ให้มีความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้น ยังได้ฝึกฝนในเรื่องของวิชาการทหาร ปลูกฝังภาวะความเป็นผู้นำ โดยได้มีโอกาสเป็นหัวหน้า นักเรียนในชั้นปีที่ 3 ได้ถูกบ่มเพาะความซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญเสียสละ รับผิดชอบ มีจิตสำนึกในความเป็นทหาร รู้รักสามัคคี ตลอดจนมีความอดทน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อสำเร็จการศึกษา เขาได้เข้ารับราชการที่ กองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ ในตำแหน่งนักดนตรี (กีต้าร์) ก่อนจะย้ายไป เป็นนักดนตรีในสังกัดกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

จ่าโท ยุทธศิลป์ เล่าต่อว่า จุดเปลี่ยนสำคัญดังที่กล่าวไว้ในตอนต้น เกิดขึ้นในขณะที่เป็นนักเรียนดุริยางค์ทหารเรือ ซึ่งที่ตั้งของโรงเรียนนั้น อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดชิโนรสารามวรวิหาร เมื่อโรงเรียนจัดให้มีการอบรมธรรมะ ก็จะพานักเรียนไปฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมที่วัดชิโนรส ซึ่งที่นั้นเอง ทำให้ ยุทธศิลป์ เกิดความสนใจในการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังอีกได้มีโอกาสรู้จักกับพระอาจารย์รูปหนึ่งที่วัดชิโนรส ซึ่งได้ชี้แนะแนวทางการปฏิบัติสมาธิภาวนา จนที่มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม 9 วัด ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยขณะที่อยู่ในระหว่างการปฏิบัติสมาธิภาวนา ได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ได้ทรงปกปักรักษาแผ่นดินไทย ทำให้ประเทศไทยเป็นเอกราช จากอริราชศัตรู เกิดเป็นแรงบันดาลใจ และจุดประกายว่า “เราน่าจะทำอะไรเพื่อชาติ และเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้คนในภารกิจอื่นนอกเหนือไปจากบทบาทของการเป็นนักดนตรีที่มีหน้าที่มอบความสุขให้แก่ผู้ชม”

อีกทั้งภาพจากภารกิจของ หน่วยซีล ในการช่วยเหลือ 13 หมูป่าที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ที่ยังก้องอยู่ในความทรงจำ ทำให้เขาตัดสินใจ ที่จะเลือกเปลี่ยนบทบาทของตัวเอง จากนักดนตรีผู้มอบความสุข มาเป็นนักรบพิเศษ โดยในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ได้ตั้งใจแน่วแน่ เขาได้มุ่งมั่นและเตรียมตัวในการเข้ารับการฝึก ในหลักสูตร นักทำลายใต้น้ำจู่โจม ในสังกัด หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ที่หลายคน บอกว่า โหด และใช้เวลาฝึกนานที่สุด ของกองทัพไทย โดยใช้เวลาเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจเป็นระยะเวลาถึง 1 ปีเต็ม

“ตลอดระยะเวลา 31 สัปดาห์ของการฝึก เป็นประสบการณ์ที่ให้อะไรกับเขามากมาย โดยเฉพาะเรื่องความอดทนอดกลั้น ซึ่งแม้จะได้รับความกดดันในรูปแบบต่างๆ จากสถานการณ์ในการฝึก แต่เขาได้น้อมนำเอาหลักธรรมที่ได้ฝึกฝนมา โดยเฉพาะเรื่องของการเจริญสติภาวนาให้ระลึกถึงปัจจุบันขณะ ตลอดจน ประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ ตลอดระยะเวลา 3 ปี ในชีวิตของนักเรียนทหาร นำมาประยุกต์ใช้ จนในที่สุดเขาก็สำเร็จการฝึก เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยได้เข้ารับการประดับเครื่องหมายฉลามบนเกลียวคลื่น พร้อมเข้าสังกัดหน่วย บัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ และเรียกตนเองว่า นักรบพิเศษของกองทัพเรือ ในนาม “นักทำลายใต้น้ำจู่โจม” พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างที่ตั้งใจไว้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ” จ่าโท ยุทธศิลป์ กล่าว

Related posts