“ราชทัณฑ์” เผยโควิดในเรือนจำ พุ่งอีก 294 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยระหว่างรักษาลดลง-รักษาหายเพิ่มต่อเนื่อง

 

“กรมราชทัณฑ์” เผย สถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำรักษาหายกว่า 93% ภาพรวมการระบาดพื้นที่ กทม.ดีขึ้น ส่วนพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัดยังมีเพิ่ม โดยวันนี้พบอีก 294 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยระหว่างรักษาลดลง-รักษาหายเพิ่มต่อเนื่อง

วันนี้ (3 ก.ค.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น.) พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 294 ราย รักษาหายเพิ่ม 398 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 2,198 ราย

ภาพรวมของเรือนจำสีขาวและเรือนจำสีแดงยังคงเท่าเดิม คือ เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาด 124 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาด 10 แห่ง ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นการติดเชื้อจากแดนในของเรือนจำสีแดง 268 ราย ตรวจพบเชื้อในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 26 ราย โดยพบจำนวนผู้ต้องขังที่ยังรักษาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลลดลงเหลือเพียง 1,519 ราย และมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่รักษาหายเพิ่ม ทำให้มียอดผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 34,192 ราย หรือ 93% เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมทั้งสิ้น 44 ราย หรือ 0.1% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม

นายอายุตม์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิต 1 ราย ในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังชาย อายุ 75 ปี เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา มีโรคประจำตัว เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หลอดเลือดสมองตีบ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพุทธโสธร X-ray พบปอดอักเสบ รักษาโดยการให้ยา Favipiravir ออกซิเจนความเข้มข้นสูง (HFNC) ผู้ป่วยอาการอยู่ในภาวะวิกฤต ทีมแพทย์และญาติร่วมพิจารณาแนวทางการรักษาแบบประคับประคอง จนกระทั่งในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ผู้ป่วยซึมลง วัดสัญญาณชีพไม่ได้และเสียชีวิตในเวลาต่อมา กรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจต่อญาติและครอบครัวของผู้ต้องขังมา ณ โอกาสนี้

ด้านการจัดสรรวัคซีน นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ ได้รับวัคซีนมาแล้วทั้งสิ้น 76,877 โดส ทั้งจากการจัดสรรของกรมควบคุมโรค 60,000 โดส และที่จัดสรรเพิ่มนอกแผน รวมถึงวัคซีนจากแหล่งอื่นรวม 16,877 โดส ซึ่งได้ดำเนินการฉีดให้แก่ผู้ต้องขังครบทั้ง 2 เข็มแล้วในเรือนจำและทัณฑสถาน 45 แห่ง และในส่วนของการดำเนินการต่อจากนี้ ยังอยู่ระหว่างประสานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อกระจายวัคซีนเพิ่มเติมไปยังเรือนจำสีขาวในเขตพื้นที่อื่นๆ จนกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป

Related posts