วันนี้ (9 ก.ค.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน(ข้อมูล ณ วันที่ 8 ก.ค.64 เวลา 16.00 น.) พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 278 ราย รักษาหายเพิ่ม 310 ราย รวมมีผู้ต้องขังติเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,523 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในวันนี้
นายอายุตม์ กล่าวว่า ขณะนี้มีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาด 122 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 11 แห่ง ซึ่งเป็นจำนวนเท่าเดิม ส่วนการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ที่เพิ่มขึ้นจากวันก่อนๆ เนื่องจากมีการตรวจ SWAB ตามรอบของเรือนจำสีแดงที่พบจำนวน 277 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 1 ราย มีผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่ม 278 ราย รวมหายสะสม 35,449 ราย หรือ 95% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 37,280 ราย สำหรับผู้ต้องขังที่รักษาตัวอยู่ แบ่งเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 59.9% สีเหลือง 39.4% และสีแดง 0.7% ผู้เสียชีวิตสะสม 46 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า ในภาพรวมถือว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถานดีขึ้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาหายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ต้องขังที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาลดลงต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ากรมราชทัณฑ์สามารถควบคุมโรคได้อย่างเป็นระบบ ทั้งการแยกรับผู้ต้องขังใหม่เพื่อกักโรคในพื้นที่เรือนจำชั่วคราวหรือเรือนจำโครงสร้างเบา การจัดทำห้องแยกเพื่อรอผลตรวจเชื้อก่อนเข้าห้องกักโรค การจัดระบบหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ เพื่อลดการนำเชื้อเข้าสู่เรือนจำ และการค้นหาเพื่อรักษาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว
“ด้วยการเร่งค้นหาและรักษาผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุด ทำให้ที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อที่พบส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการ จึงสามารถใช้แนวทางการรักษาด้วยยาฟ้าทะลายโจร ควบคู่กับยาแคปซูล กระชายขาว และน้ำขิง ที่ต้องยอมรับว่าได้ผลดีมาก โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจรที่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างดี จนได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร กรมราชทัณฑ์ จึงสั่งให้เรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ เร่งปลูกต้นฟ้าทะลายโจร เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาโรค ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มอบหมายให้กรมราชทัณฑ์จัดพื้นที่ ทดลองปลูกพืชฟ้าทะลายโจร จำนวน 1,000 ไร่ เพื่อนำมาแปรรูป และใช้ประโยชน์ในการป้องกันและรักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในผู้ต้องขัง ตลอดจนเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกต่อไป” นายอายุตม์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังคงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัดในทุกจุด ดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างเข้มงวด และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสภาวะที่การแพร่ระบาดของเชื้อภายนอกยังคงรุนแรง เพื่อให้การสกัดกั้นเชื้อไม่ให้เข้าสู่เรือนจำและทัณฑสถานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ