ทนายกันตเมธส์ ยื่นคำร้องต่อรมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบการประกอบอาชีพ นางวิไลพร หลังตกเป็น ผตห. ฟอกเงิน

 

นายกันตเมธส์ จโนภาส พร้อมคณะทนายความจิตอาสา ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมีว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มารับหนังสือ เพื่อดำเนินการตรวจสอบการประกอบอาชีพของนาสาววิไลพร ตวงวิทยากูล ที่ร้านยิงต่า หมู่บ้านนากองมู่ ตำบลห้วยอ่อ อำเภอโหม่งตง จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ ว่าได้ประกอบกิจการร้านค้าจริง มิได้เป็นผู้ร่วมกระบวนการใดๆ กับผู้ค้ายาเสพติด หรือฟอกเงิน ให้กับขบวนการค้ายาเสพติด

หลังจากช่วงต้นปี 2563 นางสาววิไลพร ถูกพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี รวบรวมพยานหลักฐานไปขอศาลจังหวัดสิงห์บุรี ออกหมายจับด้วยข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือขณะกระทำผิดรับเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิด เพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ และความผิดตามพรบ.ฟอกเงิน โดยกล่าวหาว่านางสาววิไลพร เป็นผู้รับฟอกเงินให้กับขบวนการค้ายาเสพติด โดยพบว่ามีการโอนเงินจำนวน 20,000 บาท ให้กลับพี่ชายและพี่สะใภ้ของนางสาววิไลพร ที่ก่อนหน้านี้ถูกดำเนินคดีในข้อหาความผิดที่คล้ายกัน โดยกล่าวหาว่าทั้งสองคนเป็นผู้ฟอกเงินให้กับขบวนการค้ายาเสพติด จึงมีการขยายผลจากยอดเงินในบัญชีของทั้งสองคนมาถึงนางสาววิไลพร

โดยช่วงแรก สภ.เมืองสิงห์บุรี ได้มีการออกหมายเรียกนางสาววิไลพร ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่นางสาววิไลพร ไม่สามารถเดินทางจากประเทศเมียนมาร์ไปรับทราบข้อกล่าวหาในประเทศไทยได้ เนื่องจากมีสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเมียนมาร์ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ต้องมีการออกหมายเรียกพบทั้ง 2 ครั้ง จึงถูกออกหมายจับดังกล่าว

ทั้งนี้นางสาววิไลพร ได้ชี้แจงกับทีมทนายความว่า ยอดเงินดังกล่าว เป็นยอดเงินที่ตนเองใช้ในการเปิดกิจการที่เกี่ยวข้องกับร้านขายของชำสินค้าเบ็ดเตล็ดและน้ำมันในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งในระหว่างการประกอบกิจการค้าน้ำมันได้ให้พี่ชายและพี่สะใภ้ ซึ่งอยู่ทางฝั่งประเทศไทยเป็นคนซื้อน้ำมันและนำมาส่งให้บนเขา ก่อนที่จะโอนเงินยอดดังกล่าว ให้เป็นค่าน้ำมัน ไม่ได้เป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดแต่อย่างใด โดยนางสาววิไลพร ได้ส่งหลักฐานเป็นเอกสารเส้นทางการเงินของตนเองทั้งหมด หลักฐานการประกอบกิจการร้านค้าบนที่ราบสูงในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งประกอบกิจการมาได้ 5 ปีแล้ว โดยลงทุนร่วมกับสามีของตนเองซึ่งเป็นชาวเมียนมาร์ ทั้งนี้ยืนยันว่าครอบครัวของตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือฟอกเงินให้กับขบวนการดังกล่าว แต่เป็นการประกอบอาชีพโดยสุจริต และพร้อมมาต่อสู้คดีที่มีการถูกออกหมายจับ แต่ก็อยากให้ทางกระทรวงยุติธรรม ช่วยตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวให้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง

ด้านเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ให้ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของกระทรวงยุติธรรมรับคำร้องดังกล่าวของทนายความ และนางสาววิไลพรไว้ โดยจะตรวจสอบไปถึงเส้นทางการเงินและพฤติการณ์ย้อนหลังว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือไม่ ก่อนส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ส่วนเรื่องของคดีความจะให้นางสาววิไลพรและทีมทนายความต่อสู้ทางคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

Related posts