กรมราชทัณฑ์ ปูพรมตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แก่เจ้าหน้าที่ส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ หลังพบว่ามีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมยกระดับการป้องกันการติดเชื้อในพื้นที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสให้มากขึ้น
วันนี้ (7 เม.ย.64) กรมราชทัณฑ์ โดย ศูนย์บริการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (PCR) ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นำเจ้าหน้าที่เข้าให้บริการ SWAB แก่ผู้บริหารรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสังกัดส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ จังหวัดนนทบุรี ณ อาคารกรมราชทัณฑ์ ชั้น 1
การให้บริการ PCR โดยใช้การ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังกล่าว มีขึ้นภายหลังจากที่พบว่า เจ้าหน้าที่สังกัดกรมราชทัณฑ์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพิ่มเติม ซึ่งจากกรณีดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ทุกคนกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง กรมราชทัณฑ์จึงได้ประสานไปยังศูนย์บริการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (PCR) ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อเข้าตรวจคัดกรองเชื้อในเจ้าหน้าที่ อันจะช่วยสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับในเจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยงสูง อาทิ มีประวัติเดินทางไปในสถานที่ที่มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน หากผลออกมาเป็นลบ ก็ยังต้องทำการกักตัวในสถานที่ที่เหมาะสมเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน และต้องตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งหลังการตรวจครั้งแรกอย่างน้อย 5 วัน และในวันนี้ กรมราชทัณฑ์ ยังได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เข้าฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อเพื่อทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบกรมราชทัณฑ์เพื่อสร้างความมั่นใจอีกด้วย
นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ ยังมีหนังสือแจ้งไปยังบุคลากรกรมราชทัณฑ์ทุกคน ให้ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการงดเข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องรวมตัวกันจำนวนมาก และงดเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง โดยหากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว จนเกิดการติดเชื้อและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จะถือว่าเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ และอาจถูกพิจารณาโทษตามสมควรแก่กรณี
ในส่วนของสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ขณะนี้ได้มีการยกระดับการควบคุมตามมาตรการเดิมให้มีความเข้มข้นขึ้น คือ
1.BUBBLE AND SEAL คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า
2.SEPARATE การแยกกักผู้สัมผัสเสี่ยงสูง/ผู้ที่มีประวัติเสี่ยง
3.Mobile Field Hospital จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยใช้พื้นที่เรือนจำเก่า เพื่อรองรับผู้ติดเชื้ออาการไม่รุนแรง หรือไม่มีอาการให้อยู่ในการควบคุมไม่แพร่เชื้อสู่ภายนอก รวมถึงการเร่ง SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อเชิงรุกในผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงให้ครบทุกราย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มเติม และป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อเข้าหรือออกนอกเรือนจำโดยเด็ดขาด