“กรมคุก” เผย ผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดเพิ่ม 55 ราย สั่งเข้มมาตราป้องกันเชื้อ พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ มีวินัย-รู้เท่าทันโรค

 

วันนี้ (7 ก.ค.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น.) พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 55 ราย รักษาหายเพิ่ม 78 ราย รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,615 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในวันนี้

นายอายุตม์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานะของเรือนจำสีแดงและสีขาวยังคงที่ มีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาด 122 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 11 แห่ง โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จากแดนในของเรือนจำสีแดง 53 ราย และในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 2 ราย มีผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่ม 78 ราย รวมหายสะสม 35,005 ราย หรือ 94.8% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 36,927 ราย มีผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรักษารวม 1,615 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 63.7% สีเหลือง 35.4% และสีแดง 0.9% ผู้เสียชีวิตสะสม 46 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า แม้สถานการณ์จะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 100 คน ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 แต่กรมราชทัณฑ์ยังต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างเข้มข้น ทั้งการป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน การรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ การจัดทำระบบห้องกักโรคที่ได้มาตรฐานตามหลักระบาดวิทยา รวมถึงการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางและผู้มีโรคประจำตัวเพื่อลดความรุนแรงของโรค

“การระบาดของเชื้อต่อจากนี้ คาดว่าจะมีการพัฒนาสายพันธุ์ที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งในแง่ของการกระจายเชื้อที่รวดเร็ว ระยะฟักตัวที่นาน และมีความรุนแรงของโรคที่มากกว่าเดิม เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง จึงต้องเข้าใจและรู้เท่าทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งเข้าใจหลักระบาดวิทยาของโรค เพื่อให้สามารถป้องกันและเฝ้าระวังได้อย่างตรงจุด ถือเป็นหลักที่ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จนกลายเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal ในเรือนจำ ที่สำคัญ คือ เจ้าหน้าที่ต้องมีวินัยในการปฏิบัติงานและการป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด” นายอายุตม์ กล่าว

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อจากนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้รับมอบนโยบายจาก ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้จัดสรรพื้นที่เพื่อดำเนินการปลูกต้นฟ้าทะลายโจร และประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก เพื่อเข้าให้ความรู้ ทั้งในการปลูก การเก็บรักษา และการแปรรูป ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มยารักษาโรคแล้ว ยังสามารถต่อยอด เพื่อพัฒนาเป็นอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับผู้ต้องขังต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย

Related posts