วันนี้ (23 ส.ค.64) นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวสถานการณ์และการควบคุมดูแลตัวผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
ขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายสิริชัย นาถึง และนาย Sam Samart หรือแซมสาแมท โดยแพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่า นายพริษฐ์ฯ รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยหลังทำกิจกรรม เดินออกกำลังกายบริเวณรอบเตียง และภายในห้องผู้ป่วยได้ หายใจได้ปกติ สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เอง จมูกได้กลิ่นและลิ้นรับรสได้ปกติ นอนพักหลับได้ดี สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพทย์ให้การรักษาตามอาการร่วมด้วยกับยาพ่นโรคประจำตัว
ในส่วนของนายสิริชัยฯ รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ สามารถนอนหลับพักได้ รับประทานอาหารได้มาก ขับถ่ายปกติ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ นายพรหมศรฯ รู้สึกตัวดี สีหน้าสดใส ยิ้มแย้มพูดคุย ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ เจ็บคอ ไม่มีอาการปวดศีรษะ สามารถรับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ และนายแซมฯ รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอ่อนเพลีย สามารถออกเสียงดังได้ดีตามปกติ ไม่มีหายใจหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่ไอ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ
นายธวัชชัยฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีการส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวภายนอกว่า กรมราชทัณฑ์ รับทราบถึงความกังวลและห่วงใยของครอบครัวผู้ต้องขัง และมีการร้องขอให้นำตัวนายพริษฐ์ฯ และนายสิริชัยฯ ส่งตัวออกรักษาโรงพยาบาลภายนอก กรมราชทัณฑ์ ขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคมตามข้อเท็จจริงว่า
1) การรักษาพยาบาลของผู้ต้องขังในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กรมราชทัณฑ์ โดย ศบค.ยธ. และ ศบค.รท. ได้มีแนวทางในการกำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน และประกันการเข้าถึงยาและการรักษาโรคที่เป็นมาตรฐานเดียวกันให้กับผู้ต้องขังทุกคน โดยมีทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวางเป็นแม่ข่ายหลักในการรักษาผู้ต้องขัง ซึ่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายสำหรับผู้ต้องขัง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร อยู่ในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อยู่แล้ว
2) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั้งภายในและภายนอกเรือนจำ กรมราชทัณฑ์จึงได้จัดหาอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อให้สามารถดำเนินการรักษาได้ภายในเรือนจำ รวมถึงการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ และการผลิตยาฟ้าทะลายโจรตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้รับการรักษา สามารถเข้าถึงยาได้อย่างรวดเร็ว เป็นไปตามมาตรฐาน
3) โรงพยาบาลของรัฐส่วนใหญ่มีมาตรการในการรักษาพยาบาล มิให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในหอผู้ป่วย ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ด้วยนั้น ทำให้ที่ผ่านมาเจ้าพนักงานเรือนจำผู้ควบคุมยังไม่สามารถปฏิบัติงานตามกฎกระทรวงได้อย่างครบถ้วนและเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหากผู้ต้องขังมีการกระทำผิดหรือหลบหนีระหว่างเข้ารับการรักษาตัวก็จะเป็นความเสี่ยงในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลของรัฐนั้นด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง รวมทั้งผู้ต้องขังถูกนำให้อยู่ในบริเวณที่ไม่สามารถมองเห็นหรือควบคุมได้
นายธวัชชัยฯ กล่าวปิดท้ายว่า กรมราชทัณฑ์มิได้ปิดกั้นสิทธิในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขัง และยังคงมีความพร้อมที่จะดูแลรักษาพยาบาลกลุ่มผู้ชุมนุมที่ติดเชื้อโควิด-19 และขอยืนยันว่าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานถูกต้องตามกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนมีความพร้อมในการดูแลรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ต้องขังทุกคนตามมาตรฐานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากเป็นบริการของรัฐพึงจัดให้แก่ผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียม เสมอภาคตามหลักสิทธิมนุษยชน และไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด