“ราชทัณฑ์” สั่ง “เรือนจำ-ทัณฑสถาน” ทั่วประเทศ ยกระดับมาตรการ สกัดโควิด-19 ก่อนเข้าเรือนจำ

 

วันนี้ (7 พ.ค.64) เวลา 16.30 น. กรมราชทัณฑ์ เปิดเผย มาตรการเพื่อรับมือ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีการดำเนินการ คือ

1. งดเยี่ยมญาติแบบปกติที่เรือนจำจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564
2. แยกกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่ โดยห้ามย้ายหรือออกจากห้องเป็นระยะเวลา 21 วัน เพิ่มจากเดิมที่แยกกัก 14 วัน
3. ตรวจหาเชื้อผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายอย่างน้อย 2 ครั้ง คือ หลังรับตัวภายใน 3 วันแรก และก่อนออกจากห้องแยกกักโรค
4. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนต้องเข้ารับการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้องทำการตรวจหาเชื้อในทุก 14 วัน โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง
5. ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 แก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงภายในเรือนจำและทัณฑสถาน

นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ ยังยกระดับมาตรการเพิ่มเติม คือ

1. BUBBLE AND SEAL คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้าอย่างเด็ดขาด โดยการงดนำผู้ต้องขังออกทำงานนอกเรือนจำ งดย้ายผู้ต้องขังระหว่างเรือนจำ และการพิจารณาแนวทางอื่นแทนการนำผู้ต้องขังออกศาล
2. SEPARATE การแยกกักผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้ที่มีประวัติเสี่ยง รวมถึงการเร่ง SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงรุกในผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงทุกราย
3. Mobile Field Hospital เตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำและทัณฑสถาน

โดยในส่วนกลาง ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้จัดเตรียมสถานพยาบาลเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อรองรับผู้ต้องขังที่ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 และบริเวณสถานควบคุมตัวและสถานรอการตรวจพิสูจน์ของเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อรองรับผู้ต้องขังที่ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 500 เตียง พร้อมเตรียมการจัดตั้งเพิ่มเติมในเรือนจำที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เพื่อรองรับผู้ติดเชื้ออาการไม่รุนแรง หรือไม่มีอาการให้อยู่ในการควบคุมไม่แพร่เชื้อสู่ภายนอก

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดแก่ผู้ต้องขัง ญาติยังสามารถเยี่ยมญาติทางไกลผ่านจอภาพ (แอปพลิเคชั่นไลน์) รวมถึงการซื้อสินค้าและฝากเงินให้ผู้ต้องขังได้ตามปกติ โดยให้เรือนจำและทัณฑสถานทั้ง 143 แห่งทั่วประเทศถือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ภายใต้วิถี New Normal คือ การเว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา

Related posts