ผู้ต้องขังติดโควิดเพิ่ม 892 ราย เสียชีวิต 2 ราย กำชับเรือนจำ-ทัณฑสถาน เร่งฉีดวัคซีนให้ครบตามที่ได้รับจัดสรร

“ราชทัณฑ์” เผยยอดโควิด-19 หายป่วยเพิ่มต่อเนื่อง พร้อมกำชับ เรือนจำ/ทัณฑสถานเร่งฉีดวัคซีนให้ครบตามที่ได้รับจัดสรร

วันนี้ (12 มิ.ย.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น.) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 892 ราย รักษาหายเพิ่ม 1,759 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,875 ราย

ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบว่ามีเรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่ไม่พบการแพร่ระบาดคงที่ จำนวน 129 แห่ง และพบการแพร่ระบาด 12 แห่งคงเดิม ขณะที่วันนี้ ยังคงมียอดผู้หายป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์มีจำนวนต่ำว่า 8,000 ราย เป็นวันแรกนับตั้งแต่พบการระบาดอย่างรุนแรงในระลอกใหม่ จากที่เคยขึ้นไปสูงสุดที่ 17,138 ราย และมีจำนวนผู้ที่รักษาหายรายวัน มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 4 โดยมีเรือนจำ/ทัณฑสถานบางแห่งที่เคยเป็นพื้นที่แพร่ระบาดเดิม มีผู้ติดเชื้อที่ยังคงรักษาอยู่ต่ำกว่า 100 รายต่อเนื่องกันหลายวันแล้ว ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อในเรือนจำ/ทัณฑสถานที่มีแนวโน้มดีขึ้น

โดยการดำเนินการต่อจากนี้ นอกจากจะมีการวางแผนป้องกันการนำเชื้อก่อนเข้าเรือนจำ/ทัณฑสถานอย่างเป็นระบบ รวมถึงกระบวนการรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ ทั้งในกลุ่มสีเขียว สีเหลือง และสีแดง ให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ทั่วถึง และรวดเร็ว เพื่อลดความรุนแรงของอาการและลดอัตราการเสียชีวิตแล้ว ยังต้องดำเนินการวางแผนเพื่อคืนพื้นที่เรือนจำสีแดง ซึ่งมีการแพร่ระบาดเดิม ที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ได้แล้ว เพื่อให้เป็นพื้นที่ปลอดเชื้อจนสามารถรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ได้ตามปกติ ที่ต้องมีการวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และถูกต้องตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

ด้านการบริหารจัดการวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง นายอายุตม์ เปิดเผยว่า จำนวนวัคซีนที่กรมราชทัณฑ์ ได้รับการจัดสรรจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขมาแล้วกว่า 40,000 โดส และยังอยู่ระหว่างการจัดสรรเพิ่มเติมจนครอบคลุมทั้งหมดนั้น ได้ดำเนินการจัดส่งไปยังเรือนจำ/ทัณฑสถานเป้าหมายในระยะแรกไปแล้วจำนวน 37 แห่ง โดยเรือนจำ/ทัณฑสถานส่วนใหญ่ได้ดำเนินการฉีดจนแล้วเสร็จ แต่ยังมีเรือนจำ/ทัณฑสถานบางแห่งที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งได้สั่งการเร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดสรรวัคซีนให้แก่กรมราชทัณฑ์ เพื่อบริหารจัดการวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขัง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำ/ทัณฑสถานเป็นการเฉพาะ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ จึงขอให้เรือนจำ/ทัณฑสถานที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนในครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และแผนการบริหารจัดการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ครบตามจำนวนที่ได้รับในเข็มแรกให้แล้วเสร็จและครบตามจำนวน โดยไม่ต้องสำรองวัคซีนเพื่อฉีดเป็นเข็มที่ 2 โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขัง ที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับเป็นพิเศษแก่กรมราชทัณฑ์ ว่าต้องได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันโดยเร็วที่สุด

โดยในส่วนของการจัดสรรวัคซีนต่อเนื่องในเข็มที่ 2 กรมราชทัณฑ์ จะประสานขอรับไปยังกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง ซึ่งทุกขั้นตอนเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการวัคซีน ที่ทุกเรือนจำ/ทัณฑสถานจะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มตามจำนวน ในระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการฉีด ซึ่งรวมถึงเรือนจำ/ทัณฑสถาน นอกเขตพื้นที่สีแดง ที่จะได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างทั่วถึงต่อไป ควบคู่กับแผนการฉีดวัคซีนของประชาชนภายนอก

ในส่วนของผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 2 รายในวันนี้ นายอายุตม์ เปิดเผยว่า รายแรก เป็นผู้ต้องขังชายอายุ 82 ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ส่วนรายที่ 2 เป็นผู้ต้องขังชายอายุ 80 ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยได้เข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งแพทย์ได้ให้ยา Favipiravir ยาปฏิชีวนะในเส้นเลือด เครื่องออกซิเจน Highflow และรักษาตามกระบวนการอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาและเสียชีวิตในที่สุด โดยกรมราชทัณฑ์ ได้ประสานญาติ และดำเนินการตามกระบวนการส่งศพของผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างปลอดภัย ตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19

Related posts